Ignition by Inductive Automation

แนะนำ Ignition ภาษาไทย Inductive University

Ignition เป็นแพลตฟอร์ม SCADA MES และ IIoT ที่ยืดหยุ่นและมีความสามารถสูงเหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการระบบที่ทันสมัยและที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ


"Ignition by Inductive Automation" เป็นแพลตฟอร์ม SCADA MES IIoT และ Custom Application ที่ยืดหยุ่นและมีความสามารถที่สูง, อนุญาตให้ผู้ใช้ควบคุมและดูข้อมูลการทำงานของระบบอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ. มีความสามารถในการผสมรวมข้อมูล, ควบคุมและตรวจสอบ, การสร้าง Dashboard และระบบที่มีประสิทธิภาพ. รองรับการทำงานบนหลายแพลตฟอร์ม, มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งตามความต้องการ. มีการสนับสนุนจากชุมชนและทีมผู้เชี่ยวชาญ. เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการระบบที่ทันสมัยและที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ.

 

ในบทเรียนนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Ignition และศักยภาพที่มีอยู่ของมัน ผมจะพูดถึงคุณสมบัติของ Ignition ที่ทำให้มันไม่เหมือนใครและเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของการออกแบบ HMI และ SCADA เบื้องต้น Ignition เป็นซอฟต์แวร์สำหรับการสร้าง HMI, SCADA, AES และ Custom Applications ที่ใช้ฐานข้อมูล ซึ่งตัวซอฟต์แวร์เป็นแบบ Web-based ติดตั้ง ออกแบบ และใช้งานผ่าน Web Technology. บริหารจัดการควบคุมกำหนดค่าต่างๆ ผ่าน Web Interface ที่ใช้งานง่ายและเร็ว ด้วยการใช้ Web-based Technology ทำให้ประยุกต์ใช้กับงานได้หลากหลายและใช้ในคลาวด์ได้อีกด้วย

นอกจากความหลากหลายแล้วยังเข้าถึงได้ในเน็ตเวิร์คอย่างปลอดภัย เอาล่ะครับ เราได้เห็นองค์ประกอบของ Ignition แล้ว เดี๋ยวเรามาดูว่ามันทำอะไรได้บ้าง ด้วยความที่เป็น Web-based Ignition สามารถเข้าถึง PLC, OPC Server เชื่อมต่อกับฐานข้อมูล SQL ได้อย่างง่ายดาย สะดวกและปลอดภัย และยังมีเครื่องมือสร้าง Visualization Dashboard ทำให้สร้างแอปพลิเคชัน HMI, SCADA ที่มีประสิทธิภาพสำหรับงานควบคุมและเก็บข้อมูล Data Logger ในอุตสาหกรรม และมี Historian Database ที่ทรงพลัง ช่วยให้บันทึกข้อมูลและแสดงข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ แค่เพียงกดเปิดฟีเจอร์การบันทึกข้อมูลก็สามารถบันทึกข้อมูลไปยังฐานข้อมูล SQL ตัวไหนก็ได้! Historian ยังใช้อัลกอริทึม Compression เพื่อบีบอัดข้อมูลเพื่อลด Storage ที่ต้องใช้ในฮาร์ดแวร์และความเร็วในการส่งข้อมูล

ฟีเจอร์การทำ Report ของ Ignition ช่วยให้สร้างรายงาน PDF แบบไดนามิกได้ ดึงข้อมูลจาก SQL Database มาสร้างเป็นรายงานแสดง Chart, Table และรูปภาพได้อีกด้วย สามารถปิดรายงานหรือตั้ง Schedule ส่ง PDF ทางอีเมลแบบอัตโนมัติได้อย่างง่ายดาย การที่ Ignition สามารถเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลได้หลากหลายและมีเครื่องมือสร้าง Visualization เช่น Dashboard ทำให้คุณสามารถสร้างแอปพลิเคชันอะไรก็ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็น Point of Sale, CRM หรือแม้แต่ระบบจัดการ Warehouse แค่เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลที่มีอยู่ในโรงงานหรือ OPC Server ก็สามารถสร้างแอปได้แล้ว ฟีเจอร์ Alarm ก็ดีมาก สามารถแจ้งเตือนด้วย SMS, อีเมล หรือแม้แต่โทรเป็นเสียงหรือผ่าน Line สามารถเลือกโมดูลฟีเจอร์ต่างๆ ผสมผสานกันได้อย่างอิสระ ทำให้คุณมีความยืดหยุ่นและเหมาะสมสำหรับงานของคุณโดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายมากเกินไป

เรามาดูสิ่งที่ทำให้ Ignition โดดเด่น Ignition ขายไลเซนส์ต่อเซิร์ฟเวอร์โดยที่ไม่จำกัดจำนวน Clients ที่เข้าไปดูข้อมูลหรือแก้ไขแอปพลิเคชัน สามารถติดตั้ง Ignition ได้อย่างง่ายดายและเสร็จสิ้นภายในเวลาแค่สามนาที Ignition เป็นซอฟต์แวร์แบบ Cross-platform ซึ่งสามารถรันบน PC, Mac หรือลินุกซ์ก็ได้ ด้วยฟังก์ชันและโมดูลต่างๆ ทำให้ Ignition เป็นศูนย์กลางของการสื่อสารแบบ Unified Namespace Ignition มี OPC-UA Server ที่มีไดรเวอร์ในตัวเพื่อเชื่อมต่อกับ PLC ได้หลายแบรนด์ Ignition สามารถเชื่อมต่อกับ OPC-DA และ OPC-UA ของแบรนด์ต่างๆ ที่มีอยู่ในตลาด ทำให้ไร้ข้อจำกัดในการเชื่อมต่อกับ PLC Ignition ยังเชื่อมต่อกับโปรโตคอล MQTT ที่เหมาะสำหรับ IoT เชื่อมต่อกับ Broker เพื่อเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และเชื่อมต่อกับ Web Services ต่างๆ เช่นที่ใช้ในระบบ ERP สามารถเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลต่างๆ ได้ เช่น MySQL, Microsoft SQL, Oracle, PostgreSQL, DB2 และ NoSQL เช่น MongoDB Ignition ยังสามารถทำงานร่วมกับระบบ MES และ ERP อื่นได้ด้วย และยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องสแกนบาร์โค้ด เครื่องชั่ง เซนเซอร์ และอุปกรณ์ในห้องควบคุมต่างๆ ได้อีกด้วย

Ignition Projects สามารถเปิดใช้งานจากอุปกรณ์มือถือหรืออุปกรณ์ทัชสกรีนและเครื่อง PC ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการใดก็ตาม Ignition มีองค์ประกอบหลักๆ สี่ส่วน คือ Gateway, Designer, Client และ Session ซึ่งตัว Gateway เป็นบริการหลักที่ควบคุมตัวเซิร์ฟเวอร์ของ Ignition เป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์แอปพลิเคชันที่ให้คุณเชื่อมต่อกับข้อมูล สามารถติดตั้งโมดูลและสื่อสารกับ Client กับ Session ต่างๆ ส่วน Designer เป็นเว็บแอปที่ใช้สร้างโปรเจ็กต์และกำหนดค่าต่างๆ ของ Ignition สามารถเปิดโปรแกรม Designer จาก Designer Launcher ซึ่งสามารถเข้าถึงได้จากหน้าเว็บของ Gateway Client คือโปรแกรมที่ใช้ในโมดูล Vision ทำงานเหมือนแอปพลิเคชันแบบดั้งเดิมที่ติดตั้งไว้ในเครื่อง ไม่ได้เปิดจากเว็บบราวเซอร์ และสามารถติดตั้งได้จากเว็บเพจของ Gateway ส่วนตัว Session จะเป็นรันไทม์ของโมดูล Perspective ใช้เปิดดูข้อมูลเหมือนเวอร์ชัน Client แต่ว่ามันรันในบราวเซอร์แทน ซึ่งรันโดยการเชื่อมต่อกับตัว Gateway

เนื่องจากว่า Ignition Gateway เป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์ จึงสามารถเปิดจากเว็บบราวเซอร์ตัวไหนก็ได้ที่เข้าถึงมันได้ในเน็ตเวิร์ค ทุกอย่างใน Ignition เช่นโปรเจ็กต์, แท็ก, การเชื่อมต่อ OPC, การเชื่อมต่อฐานข้อมูล, รูปภาพจะถูกเก็บไว้ในตัว Gateway หากคุณต้องการเชื่อมต่อกับตัว PLC ด้วย Modbus กดสร้างการเชื่อมต่อใหม่ใน Gateway ของ Ignition ได้เลย เช่นเดียวกันถ้าต้องการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลที่อยู่ในเน็ตเวิร์คก็สร้างคอนเนคชั่นในอินเทอร์เฟสของตัว Gateway ได้เลยตามที่ได้อธิบายก่อนหน้านี้

โปรแกรม Ignition จะถูกติดตั้งเป็นแบบเว็บเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งสามารถเข้าถึงตัว Gateway ได้ด้วยบราวเซอร์จากทุกที่ในเน็ตเวิร์ค ตัว Designer ที่เอาไว้สร้างแอปจะเชื่อมต่อกับตัว Gateway เพื่อทำการออกแบบตัวแอปพลิเคชัน เปิดตัว Designer จากตัว Designer Launcher ซึ่งสามารถดาวน์โหลดไว้ในเครื่องของคุณได้จากตัว Gateway เมื่อเปิด Designer แล้วคุณสามารถสร้าง Ignition Project ของคุณได้เลย หลังจากที่เซ็ตอัพและออกแบบตัวโปรเจ็กต์ของคุณแล้ว แค่กดเซฟ การเปลี่ยนแปลงต่างๆ จะถูกส่งกลับไปในตัว Gateway โดยอัตโนมัติ สามารถกำหนดค่าต่างๆ บนหน้าจอ ทำการบันทึกข้อมูล Data Log, เซ็ตค่า Alarm, บันทึกสูตรการผลิต, สร้างรายงานและสร้างแอปพลิเคชันต่างๆ ที่ใช้ฐานข้อมูล

พอทำการบันทึก ตัวโปรเจ็กต์ก็จะสามารถเปิดดูได้ในตัว Clients ต่างๆ ทันที เปิดตัวแอปพลิเคชันรันไทม์ ดูข้อมูลได้อย่างง่ายดาย ซึ่งตัวโปรแกรมที่ใช้โมดูล Vision จะเปิดด้วย Vision Client Launcher ส่วนโปรแกรมที่ใช้ Perspective จะเปิดด้วย Perspective Session Launcher จะเปิดตัว Clients มากี่ตัวเพื่อช่วยดูข้อมูลก็ได้ เพราะฉะนั้นคุณสามารถโหลด Designer จาก Gateway สร้างและกำหนดค่าตัวโปรเจ็กต์ เซฟและเปิดรันไทม์ดูค่าของตัวโปรเจ็กต์ได้เลย

ประโยชน์ของ Ignition ที่ใช้ Web Server Technology คือคุณสามารถทำการเปลี่ยนแปลงตัวโปรเจ็กต์ และเมื่อไหร่ที่คุณเซฟค่าความเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างจะมองเห็นได้ในตัว Clients และ Sessions ทันที ไม่ต้องมาอัพเดตการเรียกข้อมูลของ Clients แต่ละตัว ทำให้สะดวกสบายในการอัพเดตโปรเจ็กต์ Ignition เป็นแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพสำหรับการสร้าง HMI, SCADA, AES หรือ Database Applications อื่นๆ อีกมากมาย คุณสามารถเลือกใช้ตัวโมดูลต่างๆ ใน Ignition เพื่อให้เหมาะสมกับแอปพลิเคชันได้ทุกประเภท ความสามารถในการเชื่อมต่อกับ PLC, ฐานข้อมูล, OPC Server, MQTT Broker, Web Services ทำให้การเข้าถึงข้อมูลของ Ignition ไร้ข้อจำกัด สามารถเรียนรู้การใช้งานซอฟต์แวร์ Ignition ได้อย่างละเอียดใน Inductive University และแน่นอนไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้

 

Similar posts

รับข่าวสาร บทความ การสอน และการเดโม่ Solution ต่างๆจากเรา

สมัครสมาชิกเพื่อรับ

  • ข่าวสารล่าสุด
  • บทความสอน
  • วิดีโอแนะนำ
  • การสาธิตอุปกรณ์
จาก Appomax โดยตรงถึงอีเมลของคุณ เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา

News, Articles, and Free Lessons